รวมแหล่งท่องเที่ยวเมืองหนองคายและจุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาดเมื่อท่านมาถึงจังหวัดหนองคาย
อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ อนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงและเทิดทูนวีรชนผู้ล่วงลับในการปราบฮ่อ
อนุสาวรีย์ปราบฮ่อ เป็นอนุสาวรีย์หนึ่งเดียวที่มีอยู่ในจังหวัดหนองคาย เป็นอนุสาวรีย์เทิดทูนความดีของบรรพบุรุษของชาวหนองคายและวีรชนผู้ที่ล่วงลับไปแล้วในการปราบฮ่อในปี ร.ศ.105(พ.ศ.2429) เสด็จในกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม รับสั่งให้สร้างอนุสาวรีย์ไว้ที่เมืองหนองคายเพื่อบรรจุอัฐิของผู้ที่เสียชีวิตในการปราบฮ่อ เดิมตั้งอยู่ที่หลังสถานีตำรวจภูธร จังหวัดหนองคาย ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ที่หน้าศาลากลางจังหวัดหลังเก่าของจังหวัดหนองคาย ส่วนราชการและภาคประชาชนในจังหวัดหนองคายจะร่วมกันจัดงานเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงระหว่างวันที่ 5-13 มีนาคม ของทุกปี
วัดผาตากเสื้อ อ.สังคม จ.หนองคาย
วัดผาตากเสื้อ: ตั้งอยู่ในเขตอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย เดิมมีชื่อว่า"วัดถ้ำพระ" เมื่อครั้งที่หลวงปู่เพชร ปทีโป ท่านได้เดินธุดงค์มาปฏิบัติธรรมอยู่บริเวณนี้จากนั้นท่านก็ได้ก่อตั้งเป็นวัดขึ้นโดยใช้ชื่อว่า "วัดผาตากเสื้อ" ในปี พ.ศ 2477 บนเนื้อที่ 29 ไร่ 2 งาน 78 ตารางวา วัดผาตากเสื้อเป็นวัดสายปฏิบัติ ต่อมาได้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐานเมื่อ 2 เมษายน 2550 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทั่วไป นักท่องเที่ยวและผู้มาเยี่ยมชมวัดได้สักการะบูชา
วัดผาตากเสื้อถือเป็นวัดที่มีทิวทัศน์สวยงามและธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดหนองคายตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 550 เมตร นอกจากนี้วัดผาตากเสื้อ ยังเป็นวัดที่มีจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดหนองคายเลยทีเดียว หากมองจากจุดชมวิวบนยอดผาตากเสื้อในช่วงที่แม่น้ำโขงลดระดับลงจะมองเห็นสันทรายเป็นริ้วคล้ายเกล็ดพญานาคกลางลำน้ำโขงอย่างชัดอย่างชัดเจน
วัดผาตากเสื้อยังได้รับการตั้งให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเส้นทางในฝัน (Dream Destination2) จาก ท.ท.ท. อีกด้วยนั่นก็คือ "เกล็ดพญานาคริมโขง" จากจุดชมวิวบนยอดผาตากเสื้อหากมองเอียงไปทางซ้ายเราจะมองเห็นวิวแม่น้ำโขงวาดยาวโค้งเป็นคุ้งน้ำโดยมีเกาะขนาดใหญ่อยู่กึ่งกลางลักษณะคล้ายรูปตัว y และมองเห็นแนวเขตประเทศเพื่อนบ้าน(สปป.ลาว)อย่างชัดเจน
นอกจากจุดชมวิวทางธรรมชาติแล้ววัดผาตากเสื้อยังมีจุดชมวิว "สกายวอล์ก" ที่เป็นพื้นกระจกใสที่มองเห็นทิวทัศน์เบื้องล่างอย่างชัดเจนโดยไม่มีสิ่งใดบดบังสายตาเลยและสกายวอล์คแห่งนี้ยังเป็นสกายวอล์คแห่งแรกของประเทศไทยด้วย
วัดถ้ำศรีมงคล(ถ้ำดินเพียง)
วัดถ้ำศรีมงคล(ถ้ำดินเพียง): ที่มาของชื่อ "ถ้ำดินเพียง"ว่ากันว่ามาจากการเรียกของชาวบ้านซึ่งโดยปรกติทั่วไปทางเข้าถ้ำส่วนใหญ่มักจะอยู่สูงกว่าพื้นดินซึ่งเดิมทีชาวบ้านที่เป็นเจ้าของที่ดินแห่งนี้ก็ไม่ทราบมาก่อนว่ามีถ้ำอยู่ในที่ดินของตนเองชาวบ้านจึงเรียกชื่อตามสภาพว่าถ้ำดินเพียงเพราะอยู่เสมอกับพื้นดินและต่อมาในภายหลังชาวบ้านนิยมเรียกถ้ำแห่งนี้ว่า"ถ้ำพญานาค"
พิกัด: บ้านดงต้อง ตำบลผาตั้ง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ด้านหน้าทางลงสู่ภายในถ้ำจะมีศาลพ่อปู่อินทร์นาคราชและย่าเกศนาคราช ก่อนที่เราจะเข้าสู่ภายในถ้ำเราจะต้องมาสักการะและขอขมาก่อนที่จะลงสู่ภายในถ้ำพร้อมกับเจ้าหน้าที่นำทาง
ตามตำนานกล่าวว่า ถ้ำแห่งนี้เป็นเสมือนหนึ่งว่าเป็นเส้นทาง ขึ้น-ลง ระหว่างเมืองบาดาลกับโลกมนุษย์ของพญานาค ลักษณะทางกายภาพและโครงสร้างของถ้ำแห่งนี้มีลักษณะคล้ายเมืองบาดาลที่เป็นที่อยู่ของพญานาคมาก กล่าวคือภายในถ้ำจะมีความชื้นและน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดทั้งปีแต่ไม่ใช่น้ำในปริมาณมากถึงขั้นท่วมขังภายในถ้ำและลักษณะของหินที่มีอยู่ภายในถ้ำจะเป็นแท่งๆตั้งอยู่ราวกับว่ามีการจัดวางไว้เป็นอย่างดี
หากท่านใดมีความประสงค์จะเข้าไปสัมผัสเมืองบาดาลหรือถ้ำพญานาคอย่างใกล้ชิดให้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ทางวัดห้ามลงถ้ำโดยพละการโดยเด็ดขาดการเข้าสู่ภายในถ้ำจะต้องมีเจ้าหน้าที่วัดเป็นไกด์นำทางและต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของสถานที่อย่างเคร่งครัดค่าบริการสำหรับนักท่องเที่ยวท่านละ 100 บาท โดยท่านหย่อนลงในตู้บริจาคด้วยตัวเอง เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายและแบ่งเบาภาระ ค่าไฟและค่าบริหารจัดการต่างๆของทางวัดซึ่งทางวัดเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด
⭐วัดหินหมากเป้ง (วัดหลวงปู่เทสก์) อำเภอศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ประวัติและความเป็นมา
⭐วัดหินหมากเป้ง เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายธรรมยุต ตั้งอยู่ที่บ้านไทยเจริญ หมู่ 4 ต.พระพุทธบาท อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2482 โดยพระอาจารย์หล้า ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ.2513 บริเวณหน้าหอสมุดวัดหินหมากเป้ง เป็นที่เก็บรวบรวมหลักหินและเสมาหินโบราณ ซึ่งอยู่ในยุคทราวดีที่นำมาจากบริเวณวัดอรัญญาหรือวัดดงนาคำ อ.โพธิ์ตาก จ.หนองคาย
ที่มาของชื่อ "หินหมากเป้ง" เป็นชื่อหิน 3 ก้อนที่วางเรียงรายทับซ้อนกันอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงด้านหลังของวัดทางทิศเหนือ เป็นหินซึ่งมีลักษณะคล้ายลูกตุ้มที่ใช้เป็นเครื่องวัดช่างทองคำในสมัยโบราณ ซึ่งคนในท้องถิ่นมักจะเรียกว่า "เต็ง" หรือ "เป้งยอย" ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า หินก้อนที่ 1 เป็นตัวแทนของเมืองหลวงพระบาง หินก้อนที่ 2 เป็นตัวแทนของเมืองบางกอก ส่วนหินก้อนที่ 3 เป็นตัวแทนของนครหลวงเวียงจันทน์หรืออีกนัยหนึ่งหมากเป้งหมายถึงพืชตระกูลปาล์มหรือหมากชนิดหนึ่ง
สิ่งก่อสร้างภายในวัดที่สำคัญได้แก่ 👉พิพิธภัณฑ์หลวงปู่เทศก์ เทสรังสี เป็นพิพิธภัณฑ์ทรงมณฑป สร้างขึ้นในปี 2524 ภายในบันทึก ประวัติของหลวงปู่เทสก์และเก็บรวบรวมอัฐบริขารต่างๆของหลวงปู่เทสก์พี่ท่านเคยใช้ตอนที่ยังไม่ละสังขาร 👉พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่เทสก์ ที่อยู่ด้านหลังของวัดทางทิศเหนือติดริมแม่น้ำโขง สร้างขึ้นในปี 2534 สร้างแล้วเสร็จในปี 2540👉พระอุโบสถที่ประดิษฐานพระประธานประจำวัดและเป็นสถานที่พระภิกษุสงฆ์ใช้ประกอบทำสังฆกรรมต่างๆ👉จุดชมวิวบริเวณด้านหลังวัดริมแม่น้ำโขง ซึ่งจุดนี้เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยงามมากอีกจุดหนึ่งซึ่งผู้คนส่วนน้อยที่จะทราบ👉เมรุหลวงปู่เทสก์ (สถานที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่เทสก์ ซึ่งปัจจุบันยังถูกดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี 👉สกายวอล์ค เป็นไฮไลท์แห่งใหม่ของวัดซึ่งอยู่ทางด้านหลังของวัดทางทิศเหนือติดริมแม่น้ำโขงเช่นกัน
⭐เดอะฟอร์เรส คอฟฟี่ คาเฟ่ หนองคาย The Forest Coffee Cafe Nongkhai
⭐ต้องยอมรับว่า ที่นี่คือจุดเช็คอินแห่งใหม่ของเมืองหนองคายไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยความที่เป็นร้านคาเฟ่กาแฟที่ที่มีการก่อสร้างและออกแบบแนวร้านกาแฟในป่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อท่านได้มาสัมผัสที่นี่แล้วจะรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางป่าไม้และน้ำตกย่อมๆโอบล้อมด้วยไอหมอกเสมือนจริงณบริเวณด้านหลังยังมีสระบัวขนาดใหญ่ที่มีการดีไซน์และตกแต่งทางเดินชมบัวภายในสระและประติมากรรมกลางสระน้ำสุดคลาสสิคเหนือคำบรรยาย ตอบโจทย์สายถ่ายรูป สายรีแลกซ์ สายธรรมชาติ สายชิวๆ ได้อย่างลงตัว